WHY's VERNADOC ?
VERNADOC (Vernacular Documentation) คือกระบวนการเก็บข้อมูลสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นโดยสถาปนิก ด้วยเทคนิควิธีที่ง่าย แต่ได้คุณภาพสูง เพื่อใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกพื้นที่ในโลกใบนี้
How can the architects be useful in this vernacular, architecture without architects -situation? One answer is: by using their very basic professional skills and showing their respect, the architects can show that the local tradition is very practical, clever and beautiful, the people have had capacity to create beauty and so they really can be proud of their environment and buildings.
ARCHITECTURE
ARCHITECTURE
ในช่วงทำโปรเจกเด็กถาปัดรังสิต ดูจะเซอร์กว่าปกติ ออกแนวสวมยีนส์ขาดกับเสื้อยืดเก่าๆ แบบไม่ได้ผ่านการซักมาหลายวัน พร้อมกับลากแตะคู่ใจ ผมเผ้าไม่ได้หวี แท้จริงแล้วอาจไม่ได้ผ่านการสระจนผมเกาะตัวราวกับว่าใส่เจลครึ่งกระปุก และเป็นไปได้ว่าไม่ได้อาบน้ำมาเป็นอาทิตย์ วันเวลา ช่วงทำโปรเจก อยู่ประมาณ หนึ่งถึงสองอาทิตย์ จิตใจจะล่องลอยไปกับจิตนาการ นั่นเป็นเพราะในหัวจะนึกถึงผลงานที่ตัวเองออกแบบ และเป็นช่วงเวลาวัดใจของเพื่อนแท้ที่จะให้กำลังใจ หรือเพิ่มความเครียดได้อย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะ วันใกล้ส่งโปรเจก ยังมีงานที่ยังคงค้างอยู่ เป็นสาเหตุหลักของความเครียด ไม่ต้องพูดถึง การกิน การนอน ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแต่ละครั้งที่ทานเป็นอาหารมื้อไหน ส่วนเวลานอนคือเวลาที่ฟุบหลับหน้าคอมพิวเตอร์ หรือมุดเข้าไปนอนใต้โต๊ะได้โดยไม่ต้องอาศัยเบาะนอน
ช่วงทำโปรเจกเป็นช่วงสติแตกของเด็กถาปัด สติจะอยู่ที่ซีกขวาค่อนข้างมากกว่าเวลาอื่นๆของปี กล่าวคือ สมองซีกนี้ จะแสดงอารมณ์ สุนทรียะ ออกมามากกว่าปกติ อ่อนไหว ไปกับความคิด ล่องล่อย ไปกับจินตนาการ ประสาท การรับรู้โลกภายนอกจะน้อยกว่าปกติมากมาย เช่น จำไม่ได้ว่า ซื้อของแล้วรับเงินทอนมาหรือยัง กินก๋วยเตี๋ยวโดยไม่จำเป็นต้องปรุงรสให้เสียเวลา เพราะลิ้นจะไม่รับรู้รสชาติอยู่แล้ว และช่วงเวลาทำโปรเจกนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แฟนขอเลิกมากที่สุด เพราะ ไม่สามารถแสดงความเอาอกเอาใจ หรือ ความห่วงใยใครได้เลย แฟนมักใช้ช่วงเวลานี้ ตัดสินใจที่จะบอกเลิก ด้วยเหตุผลที่คล้ายๆกัน คือ เธอเปลี่ยนไป ฉันทำใจไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกันเถอะ
ถ้าจะเทียบคู่รักที่เลิก กับคู่รักที่เกิดขึ้นในช่วงทำโปรเจก ก็จะมีอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน เช่น เลิก 5 คู่ รัก 5 คู่ ต่อรุ่น ส่วนใหญ่ในช่วงทำโปรเจก จะทำให้ความรักก่อตัวขึ้นได้ง่าย เด็กถาปัดจะเริ่มเห็นอกเห็นใจคนที่มีส่วนร่วมในการทำโปรเจก
เคล็ดลับสำหรับคนหน้าตาไม่สวยเหมือนนางแบบ หรือหล่อลากดินแบบพระเอกเกาหลีอินเทรนด์ ที่อยากได้เด็กถาปัดเป็นแฟน ต้องอาศัยช่วงเวลา ทำโปรเจก เข้ามาตีสนิท แล้วส่งข้าวส่งน้ำให้ รับรองได้ว่า เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่จะได้เด็กถาปัดมาเป็นแฟน
แต่ก็มีข้อพึงระวังเหมือนกัน นั่นคืออย่ารบเร้าถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ หรืออย่าถามอะไรที่มากไปกว่า โปรเจค นอกจากจะไม่ได้คำตอบอะไรแล้ว ดีไม่ดี ก็จะเกิดอาการน็อตหลุดได้อย่างง่ายดาย
โปรเจกถือว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเด็กถาปัด ถ้าเจ้าของโปรเจกไม่ถามอย่าวิจารณ์ ชมได้แต่อย่าติ แม้ว่าเค้าจะคะยั้นคะยอถามว่างานออกแบบเป็นยังไง ก็ควรเลี่ยงที่จะติ ขอให้ชมเข้าไว้ เพราะโปรเจกที่เค้าทำนั้นไม่ต่างจาก ลูกที่เลี้ยงดูมาเป็นแรมปี จู่ๆไปด่าว่าลูกเค้าไม่ดี ก็เหมือนกับด่าว่าคนเลี้ยงยังไงยังงั้น
แต่เราอาจมีข้อแนะนำได้อยู่บ้างถ้างานออกแบบมันขัดลูกตาเรามาก ก็ให้ใช้คำว่า “พอดีเราไม่คุ้นเคยกับสไตล์นี้อะ” เป็นการตอบแบบโยนความผิดไปที่ความชอบแตกต่างกันแต่ไม่แตกแยกทางความคิด หรือ อาจจะตอบในมุมที่ยกให้เค้าเป็นเกรทเต็กไปเลย เช่น “เราว่ามันเป็นงานที่วิเศษสุดแล้วเพียงแต่เราเข้าไม่ถึงมัน” นี่ก็จะเป็นคำตอบที่ไม่สามารถแก้ใขอะไรในการออกแบบได้ เพราะอย่างไรเค้าก็ไม่มีทางแก้แบบอย่างแน่นอน เอาหัวเป็นประกัน แต่มันจะช่วยให้เค้าไม่รู้สึกเจ็บมากตอนไปจูรี่กับกรรมการ
คำศัพท์ที่ควรรู้
เกรทเต็ก ย่อมาจากคำภาษาอังกฤษ great architect แปลได้ว่า ปรามาจารย์สถาปนิก คำนี้ใช้กระแนะกระแหน เพื่อนที่ทุ่มเทออกแบบจนเลิศเลอ เกินหน้าเกินตาเพื่อนฝูงก็ได้้จูรี่ มาจากภาษาอังกฤษว่า Jury คือ การนำเสนองานขั้นสุดท้ายของเด็กถาปัด ต่อหน้ากรรมการหลายๆท่าน จะมีคอมเม้นท์ จากกกรรมการ โดยใช้วาจาที่กระทบใจผู้นำเสนองานอย่างรุนแรง ถึงขั้นสติแตกได้ยกตัวอย่างประโยค เช่น “กูไม่น่าจูรี่ต่อคิวไอ้เกรทเต็กเลย คะแนนกูร่วงแน่” แปลได้ความว่า ผมไม่ควรนำเสนอผลงานหลังปรามาจารย์เลย คะแนนต้องออกมาไม่ดีแน่
สาเหตุที่เด็กถาปัดคิดเช่นนั้นเพราะการตรวจงานหลังคนที่ทำไว้ได้ดี ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบ ว่างานเราไม่ดีเท่าคนก่อน เลยได้คะแนนน้อย ที่น่าเจ็บใจมากไปกว่านั้นคือ มักมีคำเปรียบเปรยจากกรรมการ อย่างเช่น “ทำไมคุณไม่ไปคุ้ยขยะของคนเมื่อกี้ดูว่าเค้ากินอะไรเข้าไป ทำไมงานเค้าถึงดีกว่าคุณมากมาย”
จุดอ่อนของเด็กถาปัดทุกคนอยู่ที่ ทำใจไม่ได้ที่ทำงานแทบตาย แต่ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับอีกคน ว่าด้อยกว่า ไม่ได้หมายความว่าอิจฉาเพื่อน แต่เป็นอารมณ์ น้อยใจในโชคชะตา ที่ บางที ตั้งใจสร้างสรรค์งานอย่างทุ่มสุดตัวแต่ไอเดียไม่ได้รับการยอมรับ
คืนก่อนส่งงาน มัก จะเรียกกันว่า “วันเผา” เพราะต้องรีบทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ การออกแบบส่วนใหนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ก็ต้องฟันธงแล้ว เป็น การเช็คครั้งสุดท้ายว่ามีส่วนไหนบ้างที่ยังหลงเหลือ คืนนี้เป็นคืนที่จะพิสูจน์ว่า ใครมี พาว ที่จะมี มือปืน มากกว่ากัน เป็นการแสดงว่าเราเป็นที่รักของน้องๆ แต่จะมีอีกประเด็นหนึ่งได้เหมือนกัน คือ งานเข้าขั้นวิกฤตจน ไม่สามารถ ส่งงานได้ทันตามเวลากำหนด ก็จะมีการสื่อสารไปยังน้องๆถาปัด เข้าระดมพล เพื่อมาเผางาน ให้เสร็จทัน
คำศัพท์ที่ควรรู้
พาว ย่อมาจาก power คือ การมีอำนาจ วาสนา สามารถทำให้ผู้อื่นเคารพ เชื่อฟังได้
งานเผา หมายถึง งานออกแบบที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ทำการตกแต่งให้เหมือนกับว่างานเสร็จสมบูรณ์ โดยปกปิดข้อเท็จจริงไว้ ตัวอย่างประโยคเช่น “นายอ้นเผางานมาอีกแล้ว จับยังอุ่นๆอยู่เลย” แปลได้ใจความว่านายอ้นทำงานไม่เสร็จอีกแล้ว
มือปืน หมายถึงรุ่นน้องหรือเพื่อนที่มาช่วยทำโปรเจกโดยเฉพาะวันก่อนส่งงานหนึ่งถึงสองวัน จะมีมือปืนหลายคนมาประจำซุ้มต่างๆอย่างคึกคัก งานของมือปืนยุคเก่าเป็นการเพิ่มสีสันให้กับงานออกแบบเช่นใส่ ต้นไม้ คน เขียนเส้นหลังคา ใส่เงาหน้าต่าง แปะตัวอักษร ลงสี ในแบบ ดังนั้น จะต้องพกเครื่องมือติดตัวมาด้วย คือ ดินสอ ปากการอตตริ้ง เส็ต ทีสไลด์ (ดูภาพประกอบ) เป็นเหมือนอาวุธของสถาปนิก คล้ายๆกับ อาวุธของมือปืนนั่นเอง แม้ว่าในปัจจุบัน น้องๆจะไม่ได้พกอาวุธของสถาปนิกอีกต่อไป เพราะงานออกแบบจะใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก แต่คำว่ามือปืนก็ยังเป็นศัพท์ที่เด็กถาปัดยังคงใช้กันอยู่ดี อาถรรพ์ คืนก่อนส่งงาน คือ การพริ้นท์งานไม่ออก เนื่องจาก พริ้นท์เตอร์ นึกอยากจะเสียในวันก่อนส่งเสมอ ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่เด็ดขาด เหตุการณ์นี้มักจะเกิดซ้ำๆกับคนที่ทำงานเผาเป็นประจำ เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย คืนที่หฤโหดนี้จะกินเวลาตั้งแต่ประมาณหลังเที่ยงคืน ที่ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวและราบรื่น พอเริ่มพริ้นท์จู่ๆ พริ้นท์เตอร์ ก็ไม่ทำงานซะง้าน หรือพริ้นท์เตอร์ จะมีอาการรวนโดยสีไม่สม่ำเสมอ แล้วหมึกหมดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคงใช้การได้เป็นอย่างดี แต่ที่สำคัญร้านขายหมีกเปิดอีกทีก็ปาไปตอนสายๆของวันรุ่งขึ้นเหตุการณ์นี้ เหล่ามือปืนต้องสงบปากสงบคำให้มากที่สุด อย่าเพิ่งเสนอหน้าพูด หรือ แซวเด็ดขาด เพราะเจ้าของซุ้มมือปืนอาจอารมณ์หลุดได้ง่าย ในที่สุดความผิดจะตกที่เหล่ามือปืน ทางที่ดีปล่อยให้เจ้าของซุ้มหรือ เจ้าของโปรเจก ออกไปนอกห้องเพื่อทำใจ ระหว่างนั้นต้องหาพริ้นเตอร์ของเพื่อนๆที่ยังว่างมาใช้แทน
ปัจจุบันนี้การพริ้นท์งานของเด็กถาปัดได้ลดลงตามลำดับ เพราะงานออกแบบส่วนใหญ่ใช้การฉายภาพบนจอแทน แต่อาถรรพ์ ไม่เคยหมดไปจากการทำโปรเจกของเด็กถาปัด นั่นคือ เซฟงานมาดิบดีแต่พอฉายตอนจูรี่เปิดไม่ออก สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดนั่นคือการตั้งสติ ค่อยๆทำใจ แม้ว่าอุปสรรคที่คอยขัดขวางการทำโปรเจกไม่ว่าจะเป็นผู้คนรอบข้าง ความคิดภายในใจตัวเอง รวมถึงเทคโนโลยีที่คาดเดาไม่ได้ เด็กถาปัดรุ่นแล้วรุ่นเล่าก็ยังคงต้องมีวันทำโปรเจกต่อไป วันที่ได้ชื่อว่า “อาถรรพ์วันเผางาน”
เขียนโดย อาจารย์ เถิน คณะบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต